简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอเรื่องราวของ แบร์รี ซิลเบิร์ต (Barry Silbert) หนึ่งในผู้บุกเบิกและทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ผู้มองเห็นศักยภาพของบิตคอยน์ตั้งแต่ปี 2012 และต่อมาได้ก่อตั้ง Digital Currency Group (DCG) ในปี 2015 เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลกด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน DCG กลายเป็นผู้เล่นหลักที่มีบทบาททั้งด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐานของคริปโต โดยมีพอร์ตลงทุนในบริษัทชั้นนำกว่า 200 แห่ง และเป็นเจ้าของ Grayscale Investments, CoinDesk และ Genesis ซึ่งล้วนมีอิทธิพลต่อการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคการเงินแบบดั้งเดิม บทความชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ และความสำเร็จของ Silbert ในการนำคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินโลก โดยเริ่มจากเงินทุนเพียง 25 ล้านดอลลาร์ และเติบโตเป็นผู้บริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ภายในไม่ถึงทศวรรษ
ก่อนที่คำว่า Bitcoin จะกลายเป็นกระแสโลก... ก่อนที่ใครจะรู้จักคำว่า “คริปโต” ด้วยซ้ำ มีชายคนหนึ่งที่มองเห็นอะไรบางอย่างในเทคโนโลยีสายนี้ และ “ซื้อบิตคอยน์” ตั้งแต่ปี 2012 นั่นคือ แบร์รี ซิลเบิร์ต (Barry Silbert) ผู้ซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี เขาคือคนที่วางหมากใหญ่ให้โลกการเงินดิจิทัลไว้ตั้งแต่ยังไม่มีใครเข้าใจมันด้วยซ้ำ
ขอบคุณรูปจาก MPOST
จากนักวาณิชย์เงินทุน สู่ผู้เปลี่ยนโลกคริปโต
แบร์รี ซิลเบิร์ต จบการศึกษาจาก Emory University Business School ด้วยเกียรตินิยม
หลังเรียนจบ เขาเริ่มต้นอาชีพในสายการเงินกับ Houlihan Lokey ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลกที่เน้นบริการควบรวมกิจการและการปรับโครงสร้างธุรกิจ (1998–2004)
จากนั้น เขาไต่เต้ามาเป็น CEO ของ Restricted Stock Partners ก่อนจะก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อว่า SecondMarket ในปี 2008 – แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์นอกตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
และในปี 2015… เขาเริ่มลงหมากใหญ่ที่สุดในชีวิต
ด้วยการก่อตั้ง Digital Currency Group (DCG)
DCG: อาณาจักรเบื้องหลังคริปโตที่ทั้งโลกจับตา
เป้าหมายของ DCG ชัดเจน: “เร่งการพัฒนาระบบการเงินโลก ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Bitcoin”
DCG ไม่ได้เป็นแค่บริษัทลงทุนธรรมดา แต่กลายเป็น “ตัวกลางผู้เปลี่ยนเกม” ในอุตสาหกรรมคริปโต โดยพอร์ตลงทุนของ DCG กระจายไปยังบริษัทชั้นนำกว่า 200 แห่งในวงการ เช่น: Coinbase, Chainalysis, Circle, Ripple, BitPay, Lightning Network, ZCash
นอกจากนั้น DCG ยังเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง:
Grayscale: กองทุนที่ทำให้คริปโตถูกกฎหมายในโลกการเงิน
หนึ่งในบริษัทในเครือ DCG ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ Grayscale Investments ที่นี่เป็นผู้จัดการกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การดูแลของ SEC สหรัฐฯ โดยเฉพาะ Bitcoin Investment Trust ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนสถาบันและองค์กรทั่วโลก
เหตุผลที่ Grayscale ถูกจับตามองเพราะมันทำให้คริปโต “ถูกจัดวาง” ในพอร์ตการลงทุนอย่างถูกต้อง
ด้วยเหตุผล 6 ข้อหลัก ๆ
จากทุน 25 ล้าน... สู่ AUM 50,000 ล้านเหรียญ
แม้เริ่มต้นด้วยทุนเพียง 25 ล้านดอลลาร์ ตอนก่อตั้ง DCG ในปี 2015
แต่ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของเขา (AUM) ทะลุ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ข้อมูลปี 2021)
วันนี้ “แอคเหยี่ยว” ขอบันทึกไว้ตรงนี้ว่า
แบร์รี ซิลเบิร์ต ไม่ได้เป็นแค่ “นักลงทุนรายแรกในบิตคอยน์” แต่เขาคือ สถาปนิกเบื้องหลังโครงสร้างพื้นฐานของโลกคริปโตยุคใหม่ จากข้อมูลของ Forbes มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาอยู่ที่ประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์
บทส่งท้าย
ในขณะที่หลายคนยังลังเลว่าจะเชื่อมั่นในคริปโตดีไหม แบร์รี ซิลเบิร์ต ได้มองเห็นคลื่นลูกนี้ตั้งแต่ยังไม่มีใครลงเรือด้วยซ้ำ และเขาไม่ได้แค่กระโดดขึ้นมาเล่นแต่เขาสร้าง “ท่าเรือ” ขึ้นมารองรับมันเลยต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก Uhas
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Meme Coins คือเหรียญดิจิทัลที่เริ่มจากเรื่องตลกในอินเทอร์เน็ต แต่กลับสร้างความเปลี่ยนแปลงเขย่าวงการการเงินโลกได้จริง ด้วยพลังของกระแส โซเชียลมีเดีย และความหวังของนักเก็งกำไรรายย่อย แม้บางคนจะกลายเป็นเศรษฐี แต่ก็มีอีกมากที่ขาดทุนยับแบบไม่ทันตั้งตัว เหรียญมีมจึงเป็นทั้งโอกาสและกับดัก ที่นักลงทุนต้องรู้ทันก่อนจะโดดเข้าไปในเกมสุดผันผวนนี้ อยากให้แปลงเนื้อหานี้เป็นโพสต์แบบให้ความรู้แบบกระชับ หรือแนววิดีโอสคริปต์สำหรับคอนเทนต์ TikTok/YouTube Shorts ดี?
Kiyosaki กลับมาอีกครั้งพร้อมคำเตือนแรง! เขาเผยสัญญาณเศรษฐกิจโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ — พร้อมย้ำว่า “นี่อาจไม่ใช่แค่ความกลัวเกินเหตุ” เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชี้ชัดถึงความเปราะบางที่น่ากังวล แล้วเราควรกลัวหรือควรเตรียมฉลอง? มาร่วมเจาะลึกเหตุผล 3 ข้อที่ทำให้ Kiyosaki เชื่อว่า “พายุลูกใหญ่” กำลังมา อ่านต่อได้ในบทความนี้เลย!
ไนซ์ CNX เปิดใจ สูญเงิน 5 ล้านจากคริปโต เพราะ "โลภ" และ "ไม่ยอมตัดขาดทุน" เขาเคยหลงระเริงกับความสำเร็จรวดเร็ว จนพังหมดตัวในพริบตา วันนี้ไนซ์เตือนคนรุ่นใหม่ "อย่ารีบรวย" และ "อย่าโกงตัวเองด้วยความโลภ" การลงทุนต้องมีสติ ศึกษาลึก และรับผิดชอบการตัดสินใจด้วยตัวเอง
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยกเลิกข้อกำหนดให้ธนาคารต้องแจ้งล่วงหน้าเมื่อต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโต สะท้อนท่าทีที่ “เปิดกว้าง” มากขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ยังมีกฎเข้มจากปี 2023 ที่ใช้ควบคุมอยู่เบื้องหลัง นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวเพื่อรองรับโลกการเงินยุคใหม่ แต่ก็ยังไม่ใช่ “ไฟเขียวเต็มรูปแบบ” แก่วงการคริปโต.