简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ทรัมป์ยังไม่หยุด เตรียมประกาศภาษีนำเข้าอีกหลายรายการ “ในเดือนหน้าหรือเร็วกว่านั้น”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขามีแผนจะประกาศภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ ยา ไม้ และสินค้าอื่น ๆ “ในเดือนหน้าหรือเร็วกว่านั้น”
“เรากำลังนำธุรกิจของเรากลับมา หากพวกเขาไม่ผลิตสินค้าในอเมริกา ง่ายมาก ๆ…พวกเขาก็แค่ต้องจ่ายภาษี แต่ถ้าพวกเขาผลิตสินค้าในอเมริกา พวกเขาก็ไม่ต้องเสียภาษี” ทรัมป์กล่าวในการประชุมการลงทุนที่รัฐฟลอริดาในวันพุธ (19 ก.พ.)
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งขู่จะเรียกเก็บภาษีประมาณ 25% สำหรับรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ ซึ่งในส่วนของอัตราภาษีใหม่สำหรับรถยนต์นำเข้า ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.5% ในปัจจุบันนั้น น่าจะประกาศได้ในวันที่ 2 เม.ย.
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ จะได้รับผลกระทบอย่างมาก หากสหรัฐฯ ใช้อัตราภาษีนำเข้าใหม่ตามที่ปธน.ทรัมป์ประกาศ
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นระบุว่า สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมด โดยในปี 2566 ญี่ปุ่นส่งออกรถยนต์นั่งโดยสารไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 1.44 ล้านคัน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการกำแพงภาษีจะช่วยฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศ และจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.
ขอบคุณ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้สำรวจ 5 ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินตราระดับโลก ได้แก่: สหราชอาณาจักร (ลอนดอน) – ศูนย์กลางอันดับหนึ่งของโลก มีสภาพคล่องสูงสุดเพราะเชื่อมโยงตลาดเอเชียและอเมริกา สหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก) – ฐานหลักของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ สิงคโปร์ – ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย และประตูสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ฮ่องกง – เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน และเป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินหยวนนอกประเทศจีน ญี่ปุ่น (โตเกียว) – ฐานหลักของเงินเยน และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น การเข้าใจโครงสร้างและลักษณะเฉพาะของตลาดเหล่านี้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและวางกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรมสรรพากรสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงานราว 6,000 ตำแหน่งตามนโยบายทรัมป์
บทวิเคราะห์ทองคำ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก