ทองคำได้แรงหนุน 4 ปัจจัย หนุนราคาปรับตัวขึ้น

(1.) แรงซื้อ Buy the Dip

(2.) เงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ในการประชุมนโยบายการเงินวันพฤหัสบดีนี้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

(3.) เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดคาดว่า นายริชี ซูนัค นายกคนใหม่ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง และอดีตนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ที่สำเร็จการศึกษาจากม.ออกซ์ฟอร์ด และม.สแตนฟอร์ด จะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ได้

(4.) การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ “แย่เกินคาด” ทั้งดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐจากเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ที่เพิ่มขึ้น 13.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14%, ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนต.ค. ของ Conference Board ที่ร่วงลงเกินคาดสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ 102.5 และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ที่ลดลงเกินคาดสู่ระดับ - 10ในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาได้กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอความแข็งกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ร่วงลงจนเป็นที่มาที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันสู่ระดับ 1,662.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ

แม้จะมีแรงซื้อให้ราคาดีดตัวขึ้นแต่ยังคงเห็นแรงขายกดดันอย่างต่อเนื่อง หากการดีดตัวของราคายังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านระดับ 1,669 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์) อาจทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1,638-1,617 ดอลลาร์ต่อออนซ์เช่นเดิม เบื้องต้นประเมินการเคลื่อนไหวของราคาในแบบของการแกว่งตัวเพื่อสะสมแรงซื้อหากยืนได้จะเกิดการดีดตัวขึ้นต่อ

คำแนะนำ เปิดสถานะซื้อ $1,638-1,617

จุดทำกำไร ขายเพื่อทำกำไร $1,669-1,684

ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,617

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International