简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ทองคำปิดทะยานวานนี้ ได้แรงหนุนหลายปัจจัย
สรุปราคาทองคําวานนี้ปิดทะยานขึ้น 38.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +2.2% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นภายในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ทั้งนี้ ทองคําได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่
(1.) การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่เกินคาด อาทิ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐจาก ISM ที่ร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใน รอบ 2 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2020 ต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.3 และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดิ่งลงเกินคาดถึง 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021
(2.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลงทั่วโลก นําโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษที่ร่วงลงแรง หลังรัฐบาลอังกฤษยกเลิกการปรับลดภาษีในนโยบายการ คลังฉบับใหม่ สถานการณ์ดังกล่าวฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ให้ปรับตัวสติลงตามมาอยู่ที่ 3.5694% นอกจากนี้ ตัวเลขกิจกรรมการผลิตของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาด เป็นอีกปัจจัยกดดันบอนยีลด์ของสหรัฐเพิ่ม ซึ่งช่วยหนุนทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย
(3.) การทะยานขึ้นแรงของน้ำมัน และการพุ่งขึ้นกว่า 8% ของ โลหะเงินจากแรงซื้อเพื่อปิดสถานะชาย (Short Covering)
(4.) กองทุน SPDR ถือครองทองคําเพิ่ม +3.19 ตัน และ (5.) แรงซื้อทางทางเทคนิคหลังจากทองคําทะลุระดับสูงสุดของวันก่อนหน้า รวมถึงทะลุ MA 21 วัน และDowntrend Line สถานการณ์ที่กล่าวมาผลักดันให้ทองคําทะยานขึ้นจนทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1,701.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับวันนี้ติดตามการ เปิดเผยตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ
หลังจากราคาดีดขึ้นแรง หาก ราคาพยายามเคลื่อนไหวเหนือแนวรับโซน 1,681-1,678 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ทำให้ระยะสั้นมีแนวโน้มดันให้ขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ในโซนดังกล่าวขึ้นไป ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะออกมา แต่หากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้าน แรกได้ ประเมินแนวต้านสำคัญโซน 1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ระดับสูงสุดของเดือน ก.ย.)
คำแนะนําเปิดสถานะซื้อ$1,681-1,678
จุดทำกําไรขายเพื่อทำกําไร $1,711-1,735
ตัดขาดทุนตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,659
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
Pepperstone
XM
HFM
STARTRADER
Markets.com
FXCM
Pepperstone
XM
HFM
STARTRADER
Markets.com
FXCM
Pepperstone
XM
HFM
STARTRADER
Markets.com
FXCM
Pepperstone
XM
HFM
STARTRADER
Markets.com
FXCM