简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักคำศัพท์ทางการเงินที่ว่า "Risk on & Risk off" หรือเรียกย่อ ๆ ว่า RORO
บทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักคำศัพท์ทางการเงินที่ว่า “Risk on & Risk off” หรือเรียกย่อ ๆ ว่า RORO ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญมาก ๆ ในตลาดนี้ เพราะนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่นักลงทุนจะได้รับ โดยขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและสภาพของตลาดในช่วงเวลานั้น และมันอาจจะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงในการเทรด Forex ได้ดีขึ้น!
Risk on & Risk off เป็นการอธิบายถึงอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้มีส่วนร่วมในตลาด ณ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งสองสถานการณ์นี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของนักลงทุนในตลาด ซึ่งทำให้ทิศทางของราคามีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
Risk on จะเกิดขึ้นเมื่อความเสี่ยงต่ำ หรือภาวะตลาดในช่วงนั้นค่อนข้างมั่นคง นักลงทุนก็จะรับความเสี่ยงได้มาก มักจะลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยง กล้ารับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งตลาดที่ลงทุนได้ในช่วงนี้ได้แก่ ตลาดหุ้น ตลาดโภคภัณฑ์ ตลาดโลหะ หรือตลาดอนุพันธ์ เป็นต้น
Risk off จะอยู่ในช่วงที่มีความเสี่ยงสูง หรือภาวะตลาดไม่มั่นคง มีความผันผวนสูง นักลงทุนก็จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ความเสี่ยงน้อย ๆ เช่น ถือเงินสด การย้ายเงินลงทุนไปเน้นที่ พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหุ้น โดยลดน้ำหนักของตราสารทุน เป็นต้น
Risk on & Risk off เกี่ยวกับตลาด Forex อย่างไร เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจถึงภาวะอารมณ์ตลาดที่เกิดขึ้นก็จะสามารถรู้ถึงความเสี่ยงที่นักลงทุนในช่วงนั้นเป็นอย่างไร โดยเทรดเดอร์จะสามารถรู้ช่วงของ Risk on หรือ Risk off ได้ด้วยการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
การเกิด Risk on หรือความเสี่ยงต่ำ จะเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นว่าตลาดหุ้นพุ่งตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมีความสุขกับการลงทุน เพราะเศรษฐกิจกำลังไปได้สวย นักเทรดมืออาชีพจะรีบทุ่มเงินทุนและเก็งกำใรในการลงทุนกับหุ้นที่ให้กำไรสูง ตลาดหุ้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยสกุลเงินอย่าง AUD และ NZD
เมื่อตลาดหุ้นพุ่งตัวลงจะเป็นสัญญาณให้นักเทรดรู้ว่าเกิด Risk Off หรือมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจะซื้อขายและลงทุนอย่างระมัดระวังและจำกัด เทรดเดอร์จะดึงเงินออกจากหุ้นและขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงของตัวเองออกไป และจะลงทุนซื้อ USD, YEN และ CHF ไว้เพื่อเก็งกำไรแทน สำหรับสถานการณ์ Risk Off จะเป็นสัญญาณ bearish หรือสัญญาณแง่ลบ ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคามักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเทรดจำเป็นที่จะต้องรับมือให้ทัน ให้ทำการ Stop loss และเปิดออร์เดอร์ให้ดี สำหรับสัญญาณ bullish นั้นมักจะถูกตีความว่าเป็นสัญญาณด้านบวกหรือสัญญาณที่ดีเสมอ
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุน และการซื้อขายในตลาดอื่น ๆ ไม่มีการรับประกันใด ๆ ถึงสถานการณ์ความเสี่ยง มันอาจจะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาหนึ่งหรือหลายปี ด้วยเหตุผลดังกล่าว อย่าคาดหวังทิศทางการเทรด Forex จากปัจจัยใด ๆ อย่างเดียวเท่านั้น เทรดเดอร์ที่ดีควรวิเคราะห์การเทรดด้วยหลาย ๆ องค์ประกอบ
คุณสามารถติดตามตารางข่าวสารต่าง ๆ นโยบายการเงิน รวมถึงข่าวเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีผลต่อตลาด Forex ได้ก่อนใครผ่าน ‘ปฏิทินข่าว’ บนแอป WikiFX ที่จะบอกคุณเลยว่าในแต่ละวันจะมีประกาศใด มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น และที่สำคัญโหลดฟรี!!!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย