简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญในตลาด Forex คือ ‘ความโลภ’ นี่แหละ เพราะเมื่อไหร่ที่ซื้อขายในตลาดด้วยความโลภ แสดงว่าคุณใกล้หมดตัวแล้ว!
อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญในตลาด Forex คือ ‘ความโลภ’ นี่แหละ เพราะเมื่อไหร่ที่ซื้อขายในตลาดด้วยความโลภ แสดงว่าคุณใกล้หมดตัวแล้ว! ความโลภในตลาด Forex เป็นเรื่องปกติมาก เทรดเดอร์ทุกคนต้องผ่านเรื่องนี้ มันแทบจะฝังอยู่ DNA ของทุกคนแล้ว คุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะควบคุม และจัดการมันให้ดี และนี่คือ 6 เทคนิคจัดการความโลภในตลาด Forex ไม่ให้เหลือ!
1. ต้องมีแผนในการเทรด วิธีเดียวที่คุณจะสามารถเช็คตัวเองได้ว่าคุณกำลังซื้อขายด้วยความโลภรึเปล่า คือการกลับมาดูแผนที่วางไว้ คุณต้องเขียนแผนก่อนและเทรดตามแผน เทรดเดอร์มืออาชีพควบคุมความโลภโดยการทำตามแผนที่วางไว้เท่านั้น แม้ว่าพวกเขาทำผิดพลาดใด ๆ พวกเขาจะแก้ไขข้อผิดพลาด และสร้างแผนการซื้อขายใหม่ ให้ดีขึ้น ถ้าเรามีแผนการเทรดที่แน่นอน มีการกำหนด Take Profit และ Stop Loss อย่างชัดเจน ขอให้คุณมั่นคงกับแผนการเทรด หากคุณยึดแผนเป็นหลัก ไม่เอาอารมณ์หน้างานมาเกี่ยวข้อง ก็อาจจัดการความโลภ ได้ดีทีเดียว
2. ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา การมีสติจะทำให้เรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากเรารู้ตัวว่าความโลภกำลังเข้าครอบงำ การมีสติที่ครบถ้วนจะช่วยระงับความโลภที่เกิดขึ้นให้ลดลงได้ เช่น เราเห็นว่าราคาในกำไรมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงเส้น TP ของเราแล้ว หากเราขยับเพิ่มขึ้น การเทรดครั้งนี้จะทำให้เราได้กำไรมากอย่างแน่นอน แต่หากเรามีสติรู้ตัว และไม่โลภทำกำไรให้มากขึ้นทันที เราเลือกที่จะได้กำไรเท่านี้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเทรดให้ได้กำไรในรอบต่อไป
3. เช็คใจตัวเองบ่อย ๆ คุณต้องรู้เสมอว่า ‘คุณรู้สึกอะไร’ และทำไม ต้องถามตัวเองบ่อย ๆ ถ้ารู้สึกว่าแพ้ อารมณ์แปรปรวน คุณอาจจะต้องออกจากหน้าจอ และหยุดเทรดซักพัก เพราะถ้าตอนนั้นใจไม่พร้อม ยิ่งเทรดเสีย มันยิ่งจะกระตุ้นอารมณ์รุนแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อการซื้อขาย ดังนั้นควรหยุดและสงบสติอารมณ์ก่อน จนกว่าสภาพจิตใจจะสมดุลตามปกติ
4. คิดถึงความเสี่ยงมากกว่ากำไร บางคนเทรด Forex อยากได้กำไรเยอะ ๆ เลยเลื่อนจุด Take Profit จุดทำกำไรให้สูง ๆ เข้าไว้ก่อน การตั้ง TP ไว้สูง ถ้าหากราคาสามารถเคลื่อนที่ไปถึง เราจะได้กำไรมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความผันผวนในตลาดนั้นมีมาก การตั้ง TP สูงเกินไปเป็นความโลภที่ไม่ดี เราควรคำนึงถึงความเสี่ยงให้มาก ๆ กว่ากำไรที่เราจะได้รับ
5. ทำบันทึกการเทรด (Trading Diary) Trading Diary คือการจดบันทึกการเทรดของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนจบอย่างละเอียด เช่น ทำไมคุณออกออเดอร์นี้ คุณวาง Stop Loss ที่ตำแหน่งนี้ผลเป็นยังไง สถานะทางอารมณ์เป็นอย่างไร เมื่อปิดการซื้อขาย คุณจดผลลัพธ์และตรวจสอบสถิติจากไดอารี่การซื้อขาย มันจะแสดงให้คุณเห็นว่าความโลภมีอิทธิพลต่อการซื้อขายของรึเปล่า
6. อย่าเทรดกับโบรกเกอร์เถื่อน คุณรู้ไหมว่าการเทรดกับโบรกเกอร์เถื่อนนั้น จะยั่วยุทำให้คุณมีอารมณ์รุนแรง โลภขึ้นสมองอย่างง่าย ๆ เลย เพราะโบรกเกอร์เถื่อนหลายรายไม่ได้ส่งออเดอร์คุณเข้าตลาด Forex จริง ๆ พวกเขามีการตัดแต่งกราฟเอง ทำทุกทางให้คุณไม่ได้กำไร ต่อให้เก่งแค่ไหน คุณก็มีแต่เทรดเสีย ยิ่งเสียก็ยิ่งโลภ ยิ่งอยากแก้มือ ทางที่ดี เลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น นั่นเป็นทางเดียวที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า จะเทรดได้อย่างปลอดภัย มีการปกป้องดูแลภายใต้กฎหมาย อย่าเสียเวลาเอาเงินไปลงทุนกับมิจฉาชีพ! ตอนนี้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาต และอ่านรีวิวโบรกเกอร์ Forex ทั่วโลกได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำชื่อไปค้นหาบนแอป WikiFX โหลดฟรี!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
Trive
Pepperstone
Exness
IB
EC Markets
Saxo
Trive
Pepperstone
Exness
IB
EC Markets
Saxo
Trive
Pepperstone
Exness
IB
EC Markets
Saxo
Trive
Pepperstone
Exness
IB
EC Markets
Saxo