简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: หลังจากที่มีข่าวครึกโครมว่ากรมสรรพาเตรียมเรียกเก็บภาษีนักลงทุนคริปโต จู่ ๆ ประโยคที่ว่า 'เลี่ยงภาษีคริปโต' ก็กลายเป็นคำค้นหายอดฮิตบน Google ในตอนนี้!
เอ้ะ! ยังไงกัน หลังจากที่มีข่าวครึกโครมว่ากรมสรรพาเตรียมเรียกเก็บภาษีนักลงทุนคริปโต จู่ ๆ ประโยคที่ว่า 'เลี่ยงภาษีคริปโต' ก็กลายเป็นคำค้นหายอดฮิตบน Google ในตอนนี้!
ชาวเน็ตออกอาการไม่พอใจมาก ๆ หลังกรมสรรพกรประกาศให้ผู้ที่มีกำไรจากการซื้อขายคริปโตต้องยื่นเสียภาษี (กำไรต้องเสียภาษี แต่ขาดทุนนำมาหักกลบไม่ได้) หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่าแบบนี้มันไม่แฟร์! จะมีการเก็บภาษี จากกำไร 15% แต่อะไร ๆ ก็ยังไม่ชัดเจน ทั้งในรูปแบบวิธีการ แนวทางในการปฏิบัติ
ด้านนายสิริพงศ์ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ก็ออกมาฝากเรื่องนี้ไปถึงกรมสรรพากรว่า “ถ้าคนทั่วไปอ่าน ก็คงคิดว่า ทุกรายการที่ขายแล้วมีกำไร คือหัก ณ ที่จ่ายเลย 15 เปอร์เซ็นต์ อ้าวว!!! แล้วที่ยังเป็นตัวแดงค้างอยู่ล่ะจะทำอย่างไร ในมุมของท่านอาจจะบอกว่า ก็ไม่คิดไง แฟร์ แต่ในมุมของชาวบ้านคือเขา จะเอากำไร มาถัวขาดทุนป่าว”
ด้วยความ ‘ไม่แฟร์’ ที่ชาวเน็ตถกกันนี่แหละ นำไปสู่การค้นหาวิธีการเลี่ยงภาษี ถ้าคุณพิมพ์คำว่า “เลี่ยงภาษี” ใน Google ตอนนี้ คุณจะเจอคำว่า “เลี่ยงภาษี คริปโต” ขึ้นมาอันแรกด้วย ยิ่งตอกย้ำว่าประชาชนกังวลใจหนักมากต่อประเด็นนี้
ทั้งนี้ กรมสรรพากร ก็ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลว่าการจัดเก็บภาษีจากการขายคริปโทและหุ้นนั้น เป็นไปเพื่อขยายฐานภาษี และนำเม็ดเงินมาพัฒนาประเทศ
“เราไม่ได้ขยายฐานภาษีมานาน ซึ่งที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวมากกว่าในอดีต แต่รายได้จากภาษี ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือ จีดีพี ไม่ได้เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรามีข้อยกเว้นทางภาษีเป็นจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนในบางภาคส่วน แต่เมื่อการสนับสนุนมาระยะหนึ่งและถึงเวลาที่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง การยกเว้นก็ควรลดลง”
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนในเรื่องภาษีคริปโท ที่ต้องการให้ให้นำผลขาดทุนมาหักออกจากผลกำไร (off set) ได้ด้วยนั้น กำลังพิจารณาในเรื่องแนวทางการจัดเก็บ ซึ่งแนวทางการนำขาดทุนมาหักกลบก็อยู่ในหนึ่งของแนวทางที่กำลังพิจารณาอยู่ด้วย สุดท้ายผมจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอทางสรรพากรออกมาแถลงอีกที ถ้าได้ข่าวยังไง #WikiBit จะรีบมาอัพเดตนะจ๊ะ โหลดแอป WikiBit ไว้เลยถ้าไม่อยากพลาดข่าวนี้ ก่อนเค้าก่อนใคร โหลดฟรี!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
“Bitcoin Pizza Day” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 เมื่อโปรแกรมเมอร์ชาวฟลอริดาชื่อ Laszlo Hanyecz ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 เหรียญซื้อพิซซ่า 2 ถาด ถือเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin ถูกใช้ในการซื้อสินค้าจริงในชีวิตประจำวัน แม้เหรียญเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพียง 1,300 บาทในตอนนั้น แต่หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน มูลค่าจะทะลุ 33,000 ล้านบาท เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยน Bitcoin จากแนวคิดในกลุ่มเล็ก ๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีอิทธิพลทางการเงินอย่างมหาศาล.
บทความนี้พาย้อนรอยคดีแชร์ลูกโซ่ในโลกคริปโต ตั้งแต่ BitConnect, OneCoin, PlusToken ไปจนถึงโปรเจกต์ไทยอย่าง HashBX และฟีเวอร์ ICO ในปี 2017–2018 สะท้อนให้เห็นรูปแบบหลอกลวงที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา แต่ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ “สัญญาผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น” โดยแฝงเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ บทเรียนสำคัญคือ นักลงทุนต้องระวังกับคำพูดที่ดูดีเกินจริง และควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ในระยะยาว.
บทความนี้อธิบาย “ทฤษฎีแมลงสาบ” ในโลกคริปโต โดยเปรียบคริปโตเคอเรนซีกับแมลงสาบที่อยู่รอดได้แม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ด้วยคุณสมบัติอย่างการกระจายศูนย์ ต้านการเซ็นเซอร์ และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว บทสรุปคือ คริปโตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่อยู่รอดและพัฒนาได้ก็เพียงพอ.
จากฮีโร่สู่ผู้ต้องหา! “โด ควอน” อดีตผู้ก่อตั้งโปรเจกต์ Terra ที่เคยสร้างเหรียญพันล้านอย่าง LUNA และ UST พังไม่เป็นท่าในปี 2022 จนกลายเป็นวิกฤตโลกคริปโต ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของ “ระบบล้ม” ระดับโลก แถมยังเคยเปิดเหรียญ THT ชนแบงก์ชาติไทยอีกด้วย บทเรียนราคาแพงของความมั่นใจที่เกินพอดี
KVB
Exness
Saxo
FXCM
IC Markets Global
HFM
KVB
Exness
Saxo
FXCM
IC Markets Global
HFM
KVB
Exness
Saxo
FXCM
IC Markets Global
HFM
KVB
Exness
Saxo
FXCM
IC Markets Global
HFM